Phra Phuthabat Suthawat Temple has old Name King Mongkut Rachanusorn Temple (Chaloem Phra Kiat Temple) or Phrabat Pu Pha Daeng Temple, Lampang

วัดพระบาทปู่ผาแดง  วัดสวยเมืองลำปาง

วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งทอง ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยว “อันซีน” เนื่องจากยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก แต่ภาพอันงดงามของเจดีย์สีทองที่สร้างขึ้นบนภูเขาสูงเสียดฟ้า ล้อมรอบไปด้วยสายหมอกและทิวเขาสูงที่ปรากฏในโลกออนไลน์ ก็ดึงดูดให้ใครหลายคนอยากเดินทางไปชมกันเป็นจำนวนมาก

สำหรับวัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง นั้นตั้งอยู่บนภูเขาใหญ่ในอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง อยู่ในพื้นที่ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท บนยอดเขาแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ เป็นที่เคารพบูชาของชาว อ.แจ้ห่ม มาอย่างยาวนาน แต่เมื่อก่อนนี้ยังไม่มีการทำถนนขึ้นสู่ดอย ดังนั้นพุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาจึงต้องเดินเท้าผ่านป่าทึบและหน้าผาสูงขึ้นไปสักการบูชารอยพระพุทธบาทแห่งนี้

และต่อมา หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล (พระเทพวิสุทธิญาณ) เจ้าอาวาสวัดอนาลโยทิพยาราม จังหวัดพะเยา ซึ่งแต่เดิมท่านเป็นชาวอำเภอเกาะคา จังหวัดลำปางโดยกำเนิด ได้เดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทโดยการเดินเท้า พลังศรัทธาของท่านเป็นที่มาของการสร้างวัดขึ้น ประกอบกับในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) พระราชสมภพครบ 200 ปี เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2547 ทางคณะสงฆ์จึงมีมติให้สร้างวัดเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ท่านเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อปวงชนชาวไทย จึงได้สร้าง “วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง” หรือ “วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์” (ชื่อนี้อยู่ระหว่างการขอพระราชทานนาม). ที่ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปางขึ้น

ภายในบริเวณวัดจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ หรือ 3 ชั้นก็ว่าได้ สำหรับชั้นแรก เป็นที่ตั้งของตัว วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง หรือที่บางคนเรียกกันง่ายๆ ว่า “วัดล่าง” บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของอุโบสถและเจดีย์ เราสามารถเข้าไปกราบพระพุทธรูปภายในอุโบสถที่จำลองมาจากพระนิรันตราย ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ของรัชกาลที่ 4 องค์หนึ่ง ส่วนตัวอุโบสถมีลักษณะเหมือนวัดทางล้านนา มีหลังคาลดหลั่นสองชั้น และมีสิงห์คู่ยืนเฝ้าอยู่บริเวณทางเข้าสู่ลานอุโบสถ

สำหรับคนที่อยากจะขึ้นไปชมบรรยากาศของตัววัดบริเวณชั้นบนต่อ สามารถจอดรถไว้ที่ลานจอดรถที่ชั้นนี้ได้ เพราะถนนที่จะขึ้นไปด้านบนนั้นชันมากทีเดียว ต้องเป็นรถกระบะหรือรถโฟร์วีลและคนขับชำนาญเส้นทาง สำหรับใครที่ไม่อยากขับขึ้นไปเองก็สามารถใช้บริการรถสองแถวของวัดที่มีให้บริการรับส่งไปยังชั้นที่ 2 โดยมีค่าบริการแบบเหมาไปกลับคันละ 600 บาท/10 คน (หรือคนละ 60 บาท)

รถสองแถวพาเราไต่ระดับความสูงชันขึ้นมาอีกราว 3 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็จะถึง “ภูผาหมอก” หรือ “ดอยจิหมอก” (จิหมอก เป็นภาษาท้องถิ่น หมายถึง จับหมอก) บริเวณลานจอดรถนี้มีเส้นแบ่งเขตของ 2 อำเภอในจังหวัดลำปาง คืออำเภอเมืองปาน และอำเภอแจ้ห่ม ลองสังเกตที่ถนนดูจะเห็นเส้นที่แบ่งเขตไว้

บริเวณชั้น 2 นี้เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ที่ต้องเดินจากลานจอดรถมาทางซ้ายมือประมาณ 300 ม. รอยพระพุทธบาทแห่งนี้เองซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวแจ้ห่มและชาวลำปางมาเนิ่นนาน และทุกๆ ปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 จะมีการจัดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทขึ้นเป็นประจำ ภายในศาลาจะมีรอยพระพุทธบาทจำลอง และมีรอยพระพุทธบาทอยู่ในพื้นหินบริเวณใกล้เคียงด้วยเช่นกัน

ได้มากราบไหว้รอยพระพุทธบาทแล้ว คราวนี้ต้องออกแรงเดินขึ้นดอยไปสู่ชั้นที่ 3 คือ “ดอยพระบาท” จากลานจอดรถเราจะเดินขึ้นจากฝั่งอำเภอเมืองปาน ลัดเลาะขึ้นไปตามภูเขาประมาณ 1 ก.ม. โดยทางวัดทำบันไดเหล็กให้เดินขึ้นได้อย่างสะดวก แต่สภาพเส้นทางที่ค่อนข้างชัน ค่อยๆ เดินไปพักไปก็จะดีที่สุด ระหว่างทางยังมีจุดชมวิวให้แวะพักแวะชมวิวสวยๆ กัน โดยมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นวิวของตัวอำเภอเมืองปาน มองเห็นบ้านเมืองและทุ่งนากว้างไกล

ช่วงที่เราเดินทางขึ้นเขานี้มีฝนตกปรอยๆ ตลอดเส้นทาง ทำให้บันไดเหล็กค่อนข้างลื่น จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินมากทีเดียว ยิ่งเดินขึ้นสูงเรื่อยๆ ก็ยิ่งหมดแรง แต่ระหว่างทางก็มีป้ายให้กำลังว่า “อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว” ทำให้เกิดแรงฮึดสู้เดินกันต่อไป อีกไม่นานเดินขึ้นมาถึงด้านบนจนได้ ใช้เวลาราว 1 ชม. ด้วยกัน

ด้านบนนี้เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระธาตุสีทอง หากเดินแยกไปทางขวาจะได้ขึ้นไปนมัสการองค์พระธาตุ ซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดเล็กๆ ชันๆ ขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง แต่วิวด้านบนนั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง มองเห็นทิวทัศน์ของอำเภอแจ้ห่ม และมองเห็นบริเวณวัดวัดเฉลิมพระเกียรติฯ ที่อยู่ด้านล่างได้ด้วย แม้ว่าจะในวันนั้นฟ้าจะไม่สดใส แต่สายหมอกก็ช่วยสร้างบรรยากาศอันงดงามให้ดอยพระธาตุแห่งนี้ได้ อีกทั้งอากาศเย็นฉ่ำชื่นใจก็ทำให้เราสดชื่นมากทีเดียว

เมื่อได้กราบองค์พระธาตุแล้ว หากเดินแยกไปทางซ้ายก็จะไปสู่ศาลาสวดมนต์ ซึ่งไม่ได้มีพระสงฆ์จำวัดอยู่ แต่จะเป็นสถานที่ที่พระจะขึ้นมาสวดมนต์ทุกๆ วันแรม 8 ค่ำ บนศาลาสวดมนต์จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้กัน อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวที่งดงามอีกหนึ่งจุด มองไปเบื้องหน้าเป็นวิวของอำเภอแจ้ห่ม มองไปด้านหลังเป็นเจดีย์องค์เล็กองค์น้อยประดิษฐานอยู่บนยอดภูเขาราวกับมีคนจับวาง

เมื่อมองไปทางขวาจะเห็นเป็นวิวขององค์พระธาตุสีทองบนยอดเขา และหากมองมาทางซ้ายจะเห็นเจดีย์สีขาว 5 องค์อยู่ริมชะง่อนผาหินไกลๆ มองแล้วก็ต้องทึ่งว่าใครหนอช่างมีความพยายามไปสร้างเจดีย์ไว้ในที่ที่แม้แต่เดินตัวเปล่าก็ยังยากลำบาก แต่ด้วยแรงศรัทธาของมนุษย์ก็สามารถทำเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์

สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่ >>> https://groottravel.com/

 

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here